ในชีวิตประจำวันเราได้เกี่ยวข้องกับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งเป็นประจำ คือ มอเตอร์ ใกล้ตัวเรามากจนดูว่าไม่มีอะไรที่หน้าแปลกเพียงแต่คิดว่ามันเป็นเครื่องๆ หนึ่งที่ไม่มีคำว่าเครื่องกลหรือคำว่ามอเตอร์มาเกี่ยวข้อง อย่างเช่น ไดร์เป่าผม พัดลม ลิฟท์ ปั๊มน้ำ เครื่องเล่นดีวีดี เป็นต้น เดียวมีข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับไฟฟ้าและมอเตอร์มาแนะนำกันนะครับ หรือนักศึกษาที่หาความรู้ข้อมูลเพื่อประกอบการทำรายงานงั้นไปกันเลยครับ
เริ่มต้นด้วยการคำนึงในการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและวงจร
การวัดค่าความเป็นฉนวน
ในการใช้งานของมอเตอร์ย่อมมีการเสื่อมสภาพของฉนวนได้ความชื้น ความสกปรก สารเคมี และเศษวัสดุต่างๆสามารถทำให้ขดลวดสเตเตอร์และขดลวดสเตเตอร์ เสื่อมค่าความเป็นฉนวนได้ ดังนั้นจึงควรมีการตรวจสอบ มีการวัดเพื่อให้เกิดค่าถูกต้อง
การวัดประสิทธิภาพฉนวนนั้น ค่าความเป็นฉนวนจะอยู่ในหน่วย เมกะโอห์ม เครื่องมือที่ใช้วัดคือเมกะโอห์มมิเตอร์ หรือบางทีก็เรียกว่า เมกเกอร์ การทำงานของมิเตอร์วัดค่าความเป็นฉนวนนี้ จะเป็นว่าเครื่องวัดจะจ่ายกระแสไฟให้กับส่วนที่เป็นฉนวน แล้วจะวัดจำนวนของกระแสไฟฟ้าที่อยู่ภายในฉนวนนั้น ค่ากระแสที่ได้จะน้อยมาก เป็นไมโครแอมป์ แล้วค่าที่ได้จะถูกแสดงผลออกมาในหน่วยของเมกะโอห์ม
ถ้าขดลวดที่นำมาทดสอบเกิดลัดวงจร ค่าของกระแสไฟฟ้าของขดลวดโย้กจะสูงขึ้นจากค่าปกติ และขดลวดสเตเตอร์ของมอเตอร์ก็สามารถตรวจสอบโดยวิธีนี้ครับ
เริ่มต้นด้วยการคำนึงในการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและวงจร
เราต้องพิจารณาในหลายๆอย่างเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าเกิดประโยชน์เต็มที่และมีความปลอดภัยที่สุดเราอาจพิจารณาได้ดังนี้
1.การบริการทางไฟฟ้า (Electrical Service)
การบริการทางการไฟฟ้าเป็นสิ่งแรกที่ควรพิจารณาเพื่อให้ทราบถึงข้อจำกัดและคุณลักษณะต่างๆ ของการบริการไฟฟ้าที่มีอยู่ เช่น เป็นกระแสตรง เป็นกระแสสลับ จำนวนความถี่ของกระแสไฟฟ้า 60 Hz 50 Hz เฟสไฟฟ้าว่าเป็นไฟกี่เฟส 3เฟสกี่สายหรือ1เฟส และแรงดันไฟฟ้าว่ามีค่าแรงดันเท่าใด
2.มอเตอร์ (Moter)
การพิจารณามอเตอร์ที่จะใช้นั้นมีหลักในการพิจารณาคือ ให้มีความเหมาะสมกับการบริการทางการไฟฟ้าที่มีอยู่ เช่นขนาดของมอเตอร์มีขนาดเหมาะสมพอดีกับการให้บริการทางไฟฟ้าที่มีอยู่หรือไม่ใช้ไฟกี่เฟสมีกี่แรงม้าไฟฟ้ารองรับได้หรือไม่
3.วิธีการควบคุมมอเตอร์ (Operating Characteristics of Controller)
วิธีการควบคุมพื้นฐานคือ วงจรการควบคุมการเปิดปิดของมอเตอร์ และวงจรป้องกันมอเตอร์ให้พ้นจากความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากอุบัติเหตุ ซึ่งทั้งสองวงจรจะต้องมีการติดตั้งอยู่เสมอภายในวงจรควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ในบางครั้งการใช้งานยังมีวิธีการที่จะต้องพิจารณาเพิ่มขึ้นอีกได้ เช่น การควบคุมมอเตอร์ให้กลับทางหมุนได้ หรือการควบคุมมอเตอร์ให้สามารถทำงานได้ที่ความเร็วรอบในระดับต่างๆกัน
4.สิ่งแวดล้อม (Environment)
ในปัจจุบันนี้การพิจารณาเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ดังจะเห็นได้จาก มีการตั้งกฎและข้อบังคับต่างๆ ขึ้นมาเพื่อบังคับ หรือปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ดังนั้น ในการติดตั้งมอเตอร์ จะต้องมีการพิจารณาเรื่องของสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น ในเรื่องของเสียง หรือสิ่งแวดล้อมในโรงงาน
5.สัญลักษณ์และมาตรฐานทางไฟฟ้า(Electrical Code and Standards)
การใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในการติดตั้ง หรือการใช้สัญลักษณ์เพื่อเป็นการบอกขั้นตอนในการควบคุมมอเตอร์นั้น อุปกรณ์และสัญลักษณ์ที่ใช้จะต้องเป็นมาตรฐานสากล และเป็นที่ยอมรับของหน่วยงาน ที่มีหน้าที่ควบคุมในท้องถิ่นนั้นๆด้วยครับ
จุดประสงค์ การควบคุมหลายประการด้วยกันได้แก่
1.การเริ่มเดินเครื่องและหยุดเดินเครื่อง
เป็นจุดมุ่งหมายเริ่มต้น ในการควบคุมมอเตอร์ การเดินเครื่องและหยุดเครื่องนั้นมีความซับซ้อนไม่น้อย มีหลายลักษณะให้ตรงกับงานที่ทำ เช่นการเดินเครื่องแบบเร็วหรือช้า การเริ่มเดินเครื่องแบบมีโหลดมากหรือน้อย การหยุดเดินเครื่องแบบทันที หรือแบบช้าๆ การหยุดเดินเครื่องในตำแหน่งที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่ยากไม่น้อย
2.การหมุนกลับทาง
การควบคุมมอเตอร์ที่สำคัญอีกแบบหนึ่งคือ การทำให้มอเตอร์สามารถหมุนกลับทางได้อาจจะหมุนกลับทางได้อัตโนมัติหรือใช้ผู้ควบคุมก็ได้
3.การหมุนของมอเตอร์
การควบคุมมอเตอร์หมุนให้ปกติตลอดการทำงานมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่มอเตอร์ เครื่องจักร โรงงาน และที่สำคัญที่สุดคือผู้ใช้งาน
4.การควบคุมความเร็วรอบ
การควบคุมความเร็วรอบเป็นอีกเหตุผลหนึ่งในการควบคุมมอเตอร์ โดยการควบคุมความเร็วรอบของมอเตอร์นั้นสามารถทำได้หลายแบบด้วยกัน เช่นการควบคุมความเร็วรอบให้คงที่ การควบคุมความเร็วรอบที่ต่างกัน หรือการควบคุมความเร็วรอบที่สามารถปรับได้ตามต้องการ
5.การป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่ผู้ใช้งาน
ในการติดตั้งวงจรควบคุมมอเตอร์นั้นจะมีการวางแผนป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับผุ้ใช้งานหรือผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง โดยป้องกันที่ดีที่สุดคือต้องเริ่มจากพนักงาน มีการอบรบพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรกในการทำงานเสมอ
6.การป้องกันความเสียหายจากอุบัติเหตุ
การออกแบบวงจรการควบคุมมอเตอร์ที่ดีควรจะมีการป้องกันความสียหายต่อมอเตอร์เครื่องจักรที่มอเตอร์ติดตั้งอยู่ในโรงงาน หรือความเสียหายต่อชิ้นส่วนที่อยู่ในสายการผลิตในขณะนั้นด้วย การป้องกันมอเตอร์จากความเสียหายนั้นมีหลายลักษณะด้วยกัน เช่นการป้องกันโหลดเกินขนาด การป้องกันการกลับเฟส การป้องกันความเร็วรอบมอเตอร์เกินขีดจำกัด
การวัดค่าความเป็นฉนวน
ในการใช้งานของมอเตอร์ย่อมมีการเสื่อมสภาพของฉนวนได้ความชื้น ความสกปรก สารเคมี และเศษวัสดุต่างๆสามารถทำให้ขดลวดสเตเตอร์และขดลวดสเตเตอร์ เสื่อมค่าความเป็นฉนวนได้ ดังนั้นจึงควรมีการตรวจสอบ มีการวัดเพื่อให้เกิดค่าถูกต้อง
การวัดประสิทธิภาพฉนวนนั้น ค่าความเป็นฉนวนจะอยู่ในหน่วย เมกะโอห์ม เครื่องมือที่ใช้วัดคือเมกะโอห์มมิเตอร์ หรือบางทีก็เรียกว่า เมกเกอร์ การทำงานของมิเตอร์วัดค่าความเป็นฉนวนนี้ จะเป็นว่าเครื่องวัดจะจ่ายกระแสไฟให้กับส่วนที่เป็นฉนวน แล้วจะวัดจำนวนของกระแสไฟฟ้าที่อยู่ภายในฉนวนนั้น ค่ากระแสที่ได้จะน้อยมาก เป็นไมโครแอมป์ แล้วค่าที่ได้จะถูกแสดงผลออกมาในหน่วยของเมกะโอห์ม
การทดสอบการลัดวงจรมอเตอร์
การทดสอบการลัดวงจร(Testing for short-Circuited Coi) ทำได้โดย ใช้เครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า โกรวเลอร์( Growler) เครื่องมือนี้ ประกอบด้วย ขดลวดโย้ก (Yoke Winding) ซึ่งทำหน้าที่เหมือนขดลวดปฐมภูมิ ของหม้อแปลงไฟฟ้า และขดลวดที่ทดสอบก็เหมือนขดลวดทุติยภูมิถ้าขดลวดที่นำมาทดสอบเกิดลัดวงจร ค่าของกระแสไฟฟ้าของขดลวดโย้กจะสูงขึ้นจากค่าปกติ และขดลวดสเตเตอร์ของมอเตอร์ก็สามารถตรวจสอบโดยวิธีนี้ครับ