วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554
มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ
เป็นการเปลี่ยนรูปของพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล
การทำงานของมอเตอร์อาศัยสนามแม่เหล็กการดูดและผลักของแม่เหล็ก โดยขั้วเหมือนกันจะผลักกันขั้วต่างกันจะดูดกัน โดยแม่เหล็กจะมี2อย่างคือ
1.แม่เหล็กถาวร เป็นแม่เหล็กที่คงสภาพอำนาจแม่เหล็กได้นาน
2.แม่เหล็กชั่วคราว หรือแม่เหล็กไฟฟ้า จะมีอำนาจแม่เหล็กก็ต่อเมื่อ เราป้อนกระแสไฟฟ้า
โครงสร้างของมอเตอร์ ขอกล่าวแค่ 2 ส่วนพอครับ
1.โรเตอร์ เป็นส่วนที่หมุน
2.สเตเตอร์ เป็นส่วนที่อยู่กับที่
ชนิดของมอเตอร์กระแสสลับ ในตอนที่ผมเรียน ปวส นะครับ
1.มอเตอร์สปลิตเฟส
เป็นมอเตอร์ชนิดเหนี่ยวนำหรือที่เรียกว่าอินดักชั่นมอเตอร์ แรงบิดเริ่มต้นไม่สูงมากนัก มีแรงม้าต่ำเป็นเศษส่วนของแรงม้าเป็นมอเตอร์กระแสสลับ 1 เฟส ดยคำว่าสปลิตเฟตคือ วิธีการ แบบใดแบบหนึ่งที่ทำให้มอเตอร์เริ่มเดินเครื่องโดยการแยกเฟส นิยมไปใช้งานในบ้านทั่วไป ตัวอย่างเช่น เครื่องซักผ้า ปั๊มขนาดเล็ก มอเตอร์สปลิตเฟสมีส่วนประกอบพื้นฐานคือ สเตเตอร์ โรเตอร์แบบสควิเรลเคจ สวิตช์แรงเหวี่ยงที่ติดตั้งภายในมอเตอร์ ฝาครอบหัวท้ายที่มีตลับลูกปืนรองรับแกนของโรเตอร์ และโครงของมอเตอร์ที่ติดตั้งแกนของขดลวดสเตเตอร์ โรเตอร์แบบสควิเรลเคจคือ โรเตอร์แบบกรงกระรอก แกนโรเตอร์ทำจากแผ่นเหล็กบางๆ แบบลามิเนทเรียงซ้อนกัน และที่ตัวของโรเตอร์จะมีการออกแบบให้ฝังตัวนำทองแดงที่มีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้ารอบโรเตอร์ โดยใช้วิธีหล่อ
2.มอเตอร์คาปาซิเตอร์
จะมีคาปาซิเตอร์เพื่อช่วยในเรื่องแรงบิดอาจจะเอาคาปาซิเตอร์ไว้ที่ช่วงสตาร์ตหรือช่วงรันก็แล้วแต่จุดประสงค์ และบางชนิดก็มีสวิตช์แรงเหวี่ยงเข้ามาช่วยด้วย เป็นมอเตอร์กระแสสลับ 1 เฟสจัดอยู่ในมอเตอร์ประเภทเหนี่ยวนำ เช่นเดียวกับมอเตอร์สปลิตเฟส โครงสร้างก็คล้ายๆมอเตอร์สปลิตเฟสแต่จะมีการเพิ่มตัวคาปาซิเตอร์มาต่อเข้าไปด้วย มีสเตเตอร์ โรเตอร์สควิเรลเคลหรือโรเตอร์กรงกระรอก สวิตช์แรงเหวี่ยงที่ติดตั้งภายในมอเตอร์ ฝาครอบหัวท้ายที่มีตลับลูกปืนรองรับแกนของโรเตอร์ โครงมอเตอร์ที่ติดตั้งแกนของขดลวดสเตเตอร์ และคาปาซิเตอร์ คาปาซิเตอร์ก็มี 2แบบคือ คาปาซิเตอร์แบบอิเล็ก-ตริก ที่ช่วยเพิ่มแรงบิดในช่วงเริ่มเดินเครื่องระยะสั้นๆ และ คาปาซิเตอร์แบบออยล์ฟิลด์ที่ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพหมุนของมอเตอร์ในช่วง รันมอเตอร์
3.มอเตอร์เชดเดดโพล
ที่สเตเตอร์ของมอเตอร์แบบนี้ จะมีขั้วแม่เหล็ก ที่เรียกว่า เชดเดดโพล และอันเชดเดดโพล เป็นมอเตอร์เหนี่ยวนำ เหมือนมอเตอร์สปลิตเฟสและคาปาซิเตอร์มอเตอร์มีแรงบิดที่ต่ำ เป็นมอเตอร์กระแสสลับ 1 เฟสจัดอยู่ในมอเตอร์ประเภทเหนี่ยวนำ เช่นเดียวกับมอเตอร์สปลิตเฟส มีวิธีการทำให้มอเตอร์เริ่มเดินเครื่องด้วยวิธีการที่แตกต่างออกไปจากมอเตอร์แบบอื่น และมอเตอร์แบบนี้ จะมีแรงบิดทีต่ำ ลักษณะของมอเตอร์เชดเดดโพลที่สเตเตอร์จะมีการแบ่งขั้วแม่เหล็กออกเป็น 2 ส่วนคือ เชดเดดโพล และ อันเชดเดดโพล เชดเดดโพลจะมีปลอกแหวนทองแดงซึ่งมีความต้านทานต่ำสวมอยู่ เรียกวงแหวนนี้ว่า เชดเดดคอยล์ ส่วนอันเชดเดดโพลจะเป็นส่วนที่กว้างกว่าใช้สำหรับพันขดลวดเมน
4.มอเตอร์ยูนิเวอร์แซล
มีแรงม้าต่ำแต่มีความเร็วรอบที่สูงอย่างที่เห็นคือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ส่วนประกอบมีแกนขดลวดแม่เหล็ก ขดลวดสนามแม่เหล็ก อาร์เมเจอร์ แปรงถ่าน และคอมมิวเตเตอร์ เป็นมอเตอร์กระแสสลับ1เฟสที่สามารถใช้ได้กับแหล่งจ่ายแรงดันกระแสสลับและกระแสตรง เป็นมอเตอร์ที่มีความเร็วรอบสูง แต่มีแรงม้าต่ำ มอเตอร์แบบนี้แยกออกได้อีก 2 ชนิดตามประเภทของขดลวดสนามแม่เหล็ก คือขดลวดสนามแม่เหล็กแบบคอนเซนเตรด และแบบ ดิสทริบิว มอเตอร์ยูนิเวอร์แซลส่วนมากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆในบ้านครับ
5.มอเตอร์รีพัลชั่น
โรเตอร์ของมอเตอรฺ์ชนิดนี้เรียกอีกอย่างว่า อาเมเจอร์ มีแรงบิดเริ่มต้นสูงและสามารถแบ่งมอเตอร์ชนิดนี้เป็น3แบบ มอเตอร์รีพัลชัน , มอเตอร์รีพัลชั่น สตาร์ท อินดักชั่นรัน และมอเตอร์อินดักชัน-รีพัลชัน เป็นมอเตอร์ที่มีแรงบิดเริ่มต้นสูง แกนสเตเตอร์เป็นแบบแผ่นเหล็กบางๆ เรียงซ้อนกัน ประกอบด้วยขดลวด 1 ขดโดยขดลวดนี้จะคล้ายกับขดลวดรัน ของมอเตอร์สปริตเฟส และโดยทั่วไปสเตเตอร์จะมีขั้วอยู่ 4 ,6 หรือ 8 ขั้ว โรเตอร์ทำมาจากแผ่นเหล็กบางๆมีร่องรอบๆโรเตอร์เพื่อใช้พันขดลวดของโรเตอร์ ปลายของขดลวดอาร์เมเจอร์จะถูกต่อเข้ากับคอมมิวเตเตอร์ ที่เป็นซี่ๆ แต่ละซี่มีฉนวนไมก้าคั่นไว้ คอมมิวเตเตอร์ถูกอัดติดกับโรเตอร์ทำหน้าที่รับกระแสไฟฟ้าจากแปรงถ่านเข้าไปยังอาร์เมเจอร์
6.มอเตอร์แบบสควิเรลเคจโรเตอร์
เป็นมอเตอร์ 3เฟส ครับ นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรมลูกปืนรองรับหัวท้ายจะมี2แบบ คือ ลูกปืนแบบปลอก กับลูกปืนแบบลูกปืนครับ ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายเนื่องจากมีโครงสร้างไม่ซับซ้อน มีน้ำหนักเบา ซ่อมบำรุงง่ายกว่ามอเตอร์1 เฟส มีขดลวดสเตเตอร์ 3ชุดด้วยกันแต่ละชุดวางห่างกัน 120 องศาทางไฟฟ้า การคำนวนความเร็วของมอเตอร์แบบนี้ครับ
s ความเร็วซิงโครนัส(rpm)= ( 120 x f ) / p
s = ความเร็วซิงโครนัส
f = ความถี่ไฟฟ้า
p = จำนวนขั้วของสเตเตอร์
กระแสไฟฟ้าในตอนเริ่มเดินเครื่องจะสูงอยู่ที่ 3-6 เท่าของกระแสไฟฟ้าตอนขณะที่มีโหลดเต็มดังนั้นจึงต้องมีอุปกรณ์สำหรับป้องกันกระแสไฟฟ้า ในตอนไฟกระชากตอนเริ่มเครื่อง
7.มอเตอร์แบบวาวด์โรเตอร์
บางครั้งเราเรียกมอเตอร์แบบนี้ว่า สลิปริงมอเตอร์ เนื่องจากมีวงแหวนสลิปอยู่ด้วยมีแปรงถ่านสัมผัสกับวงแหวนสลิป มอเตอร์แบบนี้จะมีขนาดใหญ่ มีแรงม้าที่สูง ควบคุมรอบได้ตามต้องการ จึงมักอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นมอเตอร์เหนี่ยวนำอีกแบบหนึ่งแต่มีขนาดใหญ่ มีแรงม้าสูง สเตเตอร์ของมอเตอร์ประกอบด้วยขดลวด 3 ชุด พันอยู่ในร่องแกนเหล็กสเตเตอร์ที่ทำมาจากแผ่นเหล็กบางๆ แบบลามิเนทเรียงซ้อนกัน แต่ละชุดวางห่างกัน 120 องศาทางไฟฟ้า โรเตอร์แบบวาวด์ ประกอบด้วยแกนเหล็กรูปทรงกระบอกที่ทำมาจากแผ่นเหล็กบางๆซ้อนกัน โดยจะมีขดลวดโรเตอร์พันอยู่ในร่องโรเตอร์ ประกอบด้วยขดลวด 3ชุด แต่ละชุดวางห่างกัน 120 องศาทางไฟฟ้า ขดลวดแต่ละปลายของสายต่อไว้ที่วงแหวนสลิปทั้ง 3 ที่อยู่บนแกนของโรเตอร์ โดยมีแปรงถ่านเป็นตัวสัมผัสอยู่กับวงแหวนสลิปทำหน้าที่ต่อกับวงจรควบคุมความเร็วจากภายนอก การคำนวนหาความเร็วซิงโครนัสก็เหมือนกับมอเตอร์สควิเรลเคจ
s ความเร็วซิงโครนัส(rpm)= ( 120 x f ) / p
s = ความเร็วซิงโครนัส
f = ความถี่ไฟฟ้า
p = จำนวนขั้วของสเตเตอร์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น